สวัสดีค่ะ ชื่อจีนค่ะ จบจากโรงเรียนสาธิตเกษตร อินเตอร์ ตอนนี้กำลังจะเข้าไปเป็น Freshy BAScii จุฬานั่นเองค่ะ หรือว่า Bachelor of Arts and Science in Integrated Program
เลือก BAScii เพราะอะไร?
เหตุผลที่เลือกคณะนี้ เราเชื่อว่าหลายๆคนก็คงจะประสบปัญหาที่เราไม่รู้ว่าเราชอบอะไร เราสนใจด้านไหน เราอยากเข้าคณะอะไรกันแน่ เราก็เลยใช้วิธีการตัด choice ดู แล้วสุดท้ายก็เหลือคณะ BAScii เราก็เลยมองไปดูพวก BAScii Workshop เราจะได้รู้ว่าคณะนี้เกี่ยวกับประมาณนี้นะ เราสนใจหรือเปล่า ทีนี้พอเราได้เข้ากระบวนการการทำ Design Thinking เรารู้สึกว่าใช่มันคือทางออกของเราแล้ว เราชอบสิ่งนี้ เราอยากเข้าคณะนี้แน่นอน ส่วนตัวของเราเองนะคะ เรายื่นเป็น SAT Math และ IELTS ส่วน SAT Math เราได้ที่ 780 แล้วก็ IELTS ได้ที่ 6.5 ค่ะ นอกจากคะแนนสอบแล้วก็จะมีอีก 2 อย่างที่สำคัญและจำเป็นมากๆเลย อย่างแรกก็จะเป็น Portfolio แล้วอีกอย่างก็จะเป็น Interview ค่ะ
ทำไม Portfolio & Interview ถึงสำคัญ?
สำหรับตัว Portfolio นะคะสำคัญมากๆ ขอเป็นสิ่งที่เขา Requirement ว่าต้องส่งต้องทำ โดยเฉพาะข้อที่เขาให้คิด Innovation จะเป็นตัวที่วัดเลยว่ามีความคิดสร้างสรรค์แค่ไหน หรือจะทำออกมาได้ไหม แล้วสามารถแก้ไขปัญหาที่พบเจอได้หรือไม่? แล้วอีกอย่างหนึ่งก็คือ Interview ซึ่งเป็นสิ่งที่เรากลัวที่สุด ก็เลยทำตามค้นคว้าหาข้อมูลว่า เรียน Interview ที่ไหนได้บ้าง แล้วก็ไปปรึกษาเพื่อน เพื่อนๆ เลยแนะนำว่าสอนดีนะและ สอนให้เราเป็นตัวของตัวเองมากๆ เราก็เลยไปดูพวกรีวิว เห็นว่าทุกคนรีวิวตรงกันหมดเลยก็เลยตัดสินใจเรียนกับพี่สร้อยพี่สรค่ะ
เริ่มเก็บ Portfolio ยังไงบ้าง?
สำหรับในด้านการเก็บผลงานนะคะ ด้วยความที่เราอยากรู้ว่าตัวเองอยากเข้า BAScii ประมาณปลายม. 5 ช่วงปิดเทอมม. 5 กำลังจะขึ้นม. 6 เราก็เลยมีเวลาเก็บผลงานแค่ 1 ปีเท่านั้น แต่ว่า 1 ปีนี้จะเป็น 1 ปีที่โหดและเหนื่อยมาก แต่ว่าในทุกๆวันก็จะลงแข่ง อาจจะมีนอนดึกบ้าง ไม่ได้นอนบ้าน ที่นี้เราก็เลยอยากจะแนะนำให้ทุกคนรู้จัก IG การทำพอร์ตนะคะ ซึ่งเป็น IG ที่คอยรวบรวมผลงานการแข่ง เอามาลงให้เราเข้าไป Join ได้ หรืออีก จะเป็น IG @krusoi.easyeng ที่จะคอยเอาผลงานมาลงสตอรี่ตลอดเวลา ใครที่สนใจก็คอยไปสอดส่องดูได้และเข้าร่วมกิจกรรมได้ค่ะ
เริ่มทำ Innovation Idea ยังไง?
สำหรับ Session ที่เป็นการคิดค้น Innovation ซึ่งตัวเราเองเราอยากให้ทุกคนใส่ใจมากๆนะ เพราะว่า Part มีแทบจะเป็นตัวหลักเลยที่คณะเขาใช้วัดทักษะของเรา ขั้นตอนการคิดค้น Innovation นะคะ อยากให้ทุกคนลองหลับตาและจินตนาการว่า ใน 1 วันที่เราใช้ชีวิต เราเจอปัญหาอะไรบ้าง แล้วปัญหาอะไรบ้างที่หน้าเอามาแก้ไขมากๆเลย
ขั้นตอนเตรียมตัวเขียน Portfolio
การเขียน Portfolio มีความสำคัญไม่ต่างจากส่วนอื่นเลย เพราะเหมือนเป็นการสื่อว่าตัวเราเองได้รับอะไรบ้าง จากการไปค่ายโน้น ไปแข่งอันนี้ ไปทำกิจกรรมอันโน้น ไปทำกิจกรรมอันนี้ ซึ่งด้วยความที่ตัวเราเองเป็นคนที่ไม่เก่งภาษาอังกฤษมาก หมายถึงว่าเก่งแต่เราไม่มีความมั่นใจในการเขียนเรื่อง Grammar หรืออะไรก็ตาม เราก็เลยเรียนคอร์สการทำ Portfolio กับพี่สร้อยพี่สร พอเราเขียน draft ออกมาเสร็จเราก็ส่งให้พี่สร้อยพี่สรจะช่วยดูว่าตรงนี้เราเปลี่ยนนิดนึงนะ ตรงนี้เราใส่ความเป็นตัวเองขึ้นมาหน่อย ซึ่งเรารู้สึกว่าคำแนะนำของพี่สร้อยพี่สรทำให้เราบูสต์คุณค่าในพอร์ตของตัวเองขึ้นมาเพิ่มจากตรงนั้นมากกว่าเดิมขึ้นมาก และสุดท้ายเราก็รู้สึกมั่นใจใน Portfolio ของตัวเองในที่สุด เพราะฉะนั้นใครที่อยากจะสนใจเรียนการทำ Portfolio ของพี่สร้อยพี่สร เราแนะนำมากๆเลย ไปเรียนเลยจ้า
เตรียมตัว Interview & Aptitude Test อย่างไร?
สำหรับการเตรียมตัวสอบสัมภาษณ์นะคะ ตัวเราได้ตัดสินใจเรียนคอร์ส Interview กับพี่สร้อยพี่สรค่ะ ซึ่งเราก็ชิงทักไปบอกพี่สร้อยพี่สรเลยว่า พี่สร้อยพี่สรหนูกังวลเรื่อง Grammar มากพูดผิดๆถูกๆ ทำยังไงดี พี่สร้อยพี่สรก็รับฟัง แล้วก็คอยพูดอยู่ตลอดเวลา สำหรับบรรยากาศในห้องเรียน หลายๆคนอาจจะกังวลว่า มันเรียนรวมพี่ๆ จะทั่วถึงไหม? ทั่วถึงจริงๆทุกคน อยากให้ทุกคนเข้าไปลองจริงๆนะ คือทุกครั้งเวลาเราพูดอะไรก็ตาม พี่สร้อยพี่สรตั้งใจฟังแล้วก็ให้ Feedback มาอย่างดี นอกจากนั้นก็จะมีการส่งการบ้านนอกรอบ ไปถ่ายวีดีโอตัวเอง อัดคลิปวีดีโอ แล้วก็ส่งให้พี่เขาเช็คดูอีกที พี่เขาจะให้ Feedback มาอีกรอบ เราจะบอกว่าตั้งแต่เรียนกับพี่สร้อยพี่สรมา เรารู้สึกว่าทักษะการ Communicate การพูดของเรามันดีขึ้นมากๆ พี่เขามีเทคนิคที่เอามาสอนเราและแชร์เราอยู่ตลอดเวลา ส่วน Aptitude test เราโชคดีมากที่พี่สร้อยพี่สรคอยติวให้ก่อนที่เราจะมาสอบ แล้วเราบอกกระซิบเลยว่า “ข้อสอบแทบจะเหมือนกันเป๊ะกับที่ติวเลย”
เมื่อ Mock Interview มาถึง..
คืนก่อนที่จะสอบเราไม่ได้นอนเลยเพราะเรากลัวมาก เรากังวลมันจะเป็นครั้งแรกของเรา แล้วสมองเราท่องบทอยู่ตลอดเวลา สรุปสุดท้ายคือพอเข้าไปในห้อง Interview ได้คุยเล่นกับพี่สาว แล้วพี่สร้อยพี่สร ก็คือให้ Feedback ดีมาก พอถามเสร็จ Feedback ดีมากๆ แต่ถ้าให้เทียบระหว่าง Mock interview กับ Interview จริง บอกเลยว่าถ้าคุณผ่าน Mock interview ของพี่สร้อยพี่สรได้ Interview คือชิวมาก
หนูขอบคุณพี่สร้อย พี่สร มากจริงๆ ที่คอยช่วยเหลือหนูมาตลอด ไม่ว่าวันไหนที่หนูเครียดหรือไม่มีความมั่นใจ พวกพี่ก็คอยเชื่อมั่นในตัวหนู แล้วก็ให้คำปรึกษาเป็นอย่างดีขอฝากถึงน้องๆที่อยากเข้าคณะ BAScii พี่แนะนำอยากให้น้องๆเริ่มเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ จะได้ไม่เครียดจนเกินไปแล้วก็ไม่กดดันตัวเองจนเกินไป แล้วเจอกันในคณะค่ะ
